วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

หน้าที่ & สิ่งที่ได้รับ NICE Magazine

NICE Magazine




หน้าที่หลักในการทำงาน : ช่างภาพ , ดูแลเรื่องรูปต่างๆในตัวแมกกาซีน

ขั้นตอนในการทำงานนิตยสาร

- เริ่มด้วยจัดการวางแผน ออกแบบนิตยสาร ว่าเราจะทำออกมาในรูปแบบใดและทำเพื่อกลุ่มเป้าหมายใด
- เมื่อเราได้หัวข้อ รูปแบบและกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจะทำแล้วก็จัดหาองค์ประกอบต่างๆที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่เลือก
- นำส่วนต่างๆที่เราได้เลือกและเห็นว่ามันตรงกับรูปแบบของนิตยสารมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
- แยกหัวข้อออกมาเฉพาะที่ในกลุ่มเห็นว่าน่าสนใจเพื่อนำมาเขียนเป็นคอลัมในนิตยสาร
- แบ่งคอลัมตามความถนัดของสมาชิกแต่ละคนภายในกลุ่ม หากใครไม่ถนัดในเรื่องใดแต่ตัวเองอยากทำก็สามารถขอความช่วยเหลือจากสมาชิกในกลุ่มได้
- แยกกันทำงานและรวบรวมข้อมูลตามที่แต่ละคนได้รับก่อนจะนำมาเขียนเป็นคอลัมจริง
- หลังจากแต่ละคนไปรวบรวมข้อมูลมาแล้วให้นำมาเสนอแก่สมาชิกภายในกลุ่มว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ที่จะใช้ข้อมูลเหล่านี้ใส่ลงไปในคอลัมที่ตัวเองรับผิดชอบ
- กลุ่มทำงานร่วมกันโดยช่วยกันจัดข้อมูลที่เหมาะสมในแต่ละคมลัม
- หลังจากไดข้อมูลทั้งหมดแล้วเราก็คุยกันต่อในเรื่องของการจัดวางและรูปภาพที่จะนำมาใช้ในนิตยสารของเรา
- แต่ละคนเสนอแนวทางการใช้รูปภาพตามคอลัมที่ตนเองถนัดและสอบถามความเหมาะสมภายในกลุ่ม
- แยกย้ายไปทำหน้าที่ในแต่ละฝ่าย และทำการเขียนคอลัมจริงมีการกำหนดเวลาที่แน่นอนจาก บก.
- ทุกคนนำคอลัมส่งอัพโหลดลงไปใน google doc เพื่อที่ง่ายต่อการตรวจสอบ และทุกคนในกลุ่มสามารถเข้าถึงได้
- ทุกคนแลกเปลี่ยนกันอ่านคอลัมของแต่ละคน และเสนอแนวคิดของแต่ละคนว่าควรจะแก้ไขตรงไหนบ้าง อย่างไร
- วางเลเอาท์ ใหม่ทั้งหมดโดยการส่งส่วนประกอบให้กับ กราฟิค
- เมื่อกราฟิคทำงานเสร็จ ก็นำมาเสนอกับสมาชิกภายในกลุ่มเพื่อทำการตรวจสอบและดูความถูกต้อง
- ส่งโรงพิมพ์เพื่อพิมพ์ออกมาเป็นนิตยสาร NICE Magazine


รูปตัวอย่างคอลัมที่ได้รับผิดชอบ





สิ่งที่ได้รับจากการทำงานในครั้งนี้

- ได้เรียนรู้วิธีการทำงานร่วมกันกับผู้อื่น
- ได้แนวคิดใหม่ๆเกี่ยวกับการสร้างสื่อ
- ได้เรียนรู้ที่จะยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นเข้ามารวมกับความคิดของตนเอง
- การเลือกภาพให้เหมาะสมกับคอลัมต่างๆภายในนิตยสาร
- ได้เรียนรู้วิธีการเขียนหนังสือเพื่อดึงดูดความสนใจ การจัดวาง การแยกคำต่างๆของแต่ละคำ


ตารางเวลาในการทำงาน

สามารถกดเข้าดูได้ในลิงค์ด้านล่างที่ปรากฎ

https://docs.google.com/document/d/1O5pKDAe8d8_Mfqg-bL_6LvEY0ud2_2XhMbK6D9YbsKI/edit



วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2558

ความคืบหน้าของงานนิทาน



ตอนนี้ได้ทำการวาดนิทานตามเนื้อเรื่องที่วางไว้เกือบเสร็จหมดแล้ว จะทำออกมาในรูปแบบเล่มขนาด A5
หลังจากวาดเสร็จแล้วจะเป็นการลงคำเนื้อเรื่อง เรียบเรียงใหม่อีกรอบหนึ่งเพื่อให้เนื้อเรื่องดูมีความน่าสนใจมากกกว่าเดิม


page 1-2




 page 3-4



page5-6



วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558

ไทย เที่ยว ไทย



ไทย เที่ยว ไทย


สวัสดีครับวันนี้เราจะพาทุกคนไปพบกับแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยจะมีคนรู้จัก เพราะ สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ ที่อยู่ในหมู่บ้านเล็กๆริมทะเลในจังหวัดตรังซึ่งที่นี่ห่างจากตัวเมืองมาก จึงไม่เป็นที่รู้จักซักเท่าไหร่  ผมจึงอยากนำเสนอให้ทุกท่านได้รู้จักสถานที่แห่งนี้ ที่ซึ่งมีหาดทราย น้ำทะเลและทรัพยากรณ์ธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ ที่แห่งนี้มีชื่อว่า "บ่อทวด" สถานที่ตั้ง ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ ๓ บ้านแหลมไทร ตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง




" บ่อทวด "


เป็นบ่อน้ำที่อยู่บริเวณชายหาดบ้านแหลมไทร แต่น้ำในบ่อเป็นน้ำจืดไม่เค็มและในบ่อมีน้ำขังตลอดปีแม้ในช่วงฤดูแล้ง ช่วงเวลาที่น้ำขึ้นน้ำจะท่วมถึงบ่อมองเห็นบ่ออยู่ในทะเล บริเวณชายหาดแหลมไทรซึ่งเป็นที่ตั้งบ่อทวด เป็นที่ลุ่มอยู่ริมทะเล มีธรรมชาติร่มรื่นสวยงามมาก



 "บ่อน้ำจืดที่มีน้ำจืดขังตลอดปี"







 "มีส่วนที่มีน้ำจืดขังอยู่นอกจากในบ่อน้ำด้วย"






"ภายในบ่อลึกและมีน้ำจืดอยู่ ทดลองตักมาแล้วครับ"
                                                             





นอกจากมีบ่อน้ำจืดที่สามารถใช้ได้ตลอดทั้งปีแล้ว ระบบนิเวศในบริเวณบ่อทวดยังอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมากดูได้จากสัตว์ทะเลตัวเล็กๆที่อาศัลอยู่บริเวณบ่อทวด






"มีปลาดาวอยู่ตามโขดหินด้วยนะ"





                "ปูน้อยแอบหลบอยู่ตามโขดหิน"





ที่สำคัญบ่อทวดแห่งนี้ยังมีหินที่ดูเก่าแก่ดูแล้วน่าจะมีอายุเยอะกว่าร้อยปี เหมาะสมกับคนที่สนใจจะศึกษาเกี่ยวกับระบบนิเวศ หินเหล่านี้จะมีลักษณะเป็นชั้นๆ บางจุดก็จะจับกลุ่มกันเป็นโขดหินกระจายอยู่ทั่วริมชายหาด





"ลักษณะของหินบริเวณชายหาด"





"อีกมุมหนึ่งของชายหาด"




"ดูใกล้ๆกันดีกว่าในส่วนที่เป็นชั้นหินริมทะเล"




"หินบางส่วนที่เห็นชั้นหินชัดเจน"



 เป็นยังไงกันบ้างหล่ะครับสำหรับ "บ่อทวด" ดูแล้วเป็นสถานที่ ที่น่าสนใจบ้างรึเปล่า นอกจากสถานที่แห่งนี้จะเป็นที่ท่องเที่ยวแล้ว ยังสามารถเป็นแหล่งการเรียนรู้เชิงอนุรักษณ์ ได้อีกด้วยนะ จะเป็นยังไงนะถ้าเรามาลองสรุปความรู้ที่ได้รับนอกเหนือจากการท่องเที่ยว ลองเขียนดูซักนิดดีกว่า





รายวิชา วิทยาศาสตร์

เรื่อง ระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม

ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3


มาตรฐาน   ว 2.1  เข้าใจสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมกับสิ่งมีชีวิต ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตต่าง ๆในระบบนิเวศ มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์


ตัวชี้วัด       ม.3/1   สำรวจระบบนิเวศต่างๆ ในท้องถิ่น และอธิบายความสัมพันธ์ขององค์ประกอบภายในระบบนิเวศ

                    ม.3/2   วิเคราะห์และอธิบายความสัมพันธ์ของการถ่ายทอดพลังงานของสิ่งมีชีวิตในรูปของ  โซ่อาหาร และสายใยอาหาร

                    ม.3/3   อธิบายปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงขนาดของประชากรในระบบนิเวศ


การเรียนรู้ที่ได้รับ

- ได้รู้ความเป็นอยู่ของสัตว์ทะเลที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่ง
- ได้เห็นระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยของสัตว์น้ำตัวเล็กๆตามชายฝั่ง
- ได้รับความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของหิน โขดหินบริเวณชาดหาด


ด้านเจตคติ

- ได้เห็นพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว  ที่เข้ามาท่องเที่ยวโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
- ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการท่องเที่ยว ด้วยการรักษาความสะอาดไม่ทิ้งขยะ
- มีความรู้สึกดี ที่ยังเห็นชายหาดแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์




ด้านทักษะและกระบวนการต่างๆ

- ได้รับความรู้ในวิชาวิทยาศาสตร์ โดยการสังเกตุชั้นหิน และระบบนิเวศบริเวณชายฝั่ง
- ได้นำสิ่งที่เห็นบริเวณชายฝั่งไปประยุกต์ใช้บูรณาการในวิชาวิทยาศาสตร์ที่เรียน
- ได้รับความรู้เรื่องการทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยการแยกกันสำรวจบริเวณชายฝั่งและนำข้อมู,ที่ได้มาแลกเปลี่ยนกัน




"อย่าลืมแวะไปเที่ยวกันบ้างนะครับ"




วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2558

เนื้อหานิทาน

เนื้อหานิทาน

ค่านิยม 12 ประการ : ข้อที่ 3 กตัญญูพ่อแม่

เรื่อง แทนคุณ

กลุ่มเป้าหมาย

- เด็กอายุ 6-7 ปี (ประถมต้น)

ประเภทหนังสือ

- นิทาน

จุดประสงค์

- เพื่อให้เด็กในวัยประถมต้นได้รู้จักคุณค่าของ คำสั่งสอนของพ่อแม่

- เพื่อปลูกฝัง คุณธรรม จริยธรม ในเด็กวัยประถมต้น

- เพื่อปลูกฝัง ความกตัญญู การรู้จักตอบแทนบุญคุณของผู้อื่น


ตัวละคร

- แทน (ตัวละครหลัก)
- พ่อ แม่ (ดำเนินเรื่อง)
- ตา ยาย

เนื้อเรื่อง

- แทนเป็นเด็กซนที่ชอบเที่ยวเล่นกะบเพื่อนๆในละแวกบ้าน

-เติบโตในครอบครัว ที่มีฐานะปานกลาง พ่อกับแม่ของแทนต้องทำงานทุกวันอย่างเหน็ดเหนื่อย

-ในวันหยุดสุดสัปดาห์ พ่อและแม่ก็ชอบพาแทนไปเยี่ยม คุณตาคุณยาย

- เมื่อไปถึงบ้านของคุณตาคุณยาย พ่อแม่และแทนก็ทักทายด้วยการสวัสดีตามมารยาท

- หลังจากเดินเข้ามาในบ้านแล้วแม่ของแทนก็รีบนำของกินที่ได้ซื้อมาจากตลาดไปจัดใส่จาน และวางบนโต๊ะอาหารเรียบร้อย และบอกให้คุณตาคุณยายลองทานของที่ซื้อมาฝาก

- แม่ของแทนก็ดูแลคุณตาคุณยายอย่างดี จนท่านแทบไม่ต้องทำอะไรเลย

- หลังจากนั้นเราทั้งหมดก็คุณกันอย่างสนุกสนานทั้ง พ่อ แม่ แทน และคุณตาคุณยาย

- เมื่อตกเย็น พ่อแม่และแทนก็ได้เดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางกลับบ้าน แทนคิดสงสัยเลยถามกับแม่ว่า

- แทนถามแม่ว่าทำไมเราต้องมาเยี่ยมคุณตาคุณยายทุก สัปดาห์ด้วยครับ แล้วทำไมแม่ต้องซื้อของมาฝากและดูแลคุณตาคุณยายขนาดนั่นด้วย

- แม่เลยให้คำตอบกับแทนไปว่า คุณตา คุณยาย คือคนที่ให้กำเนิดแม่มา ท่านเลี้ยงแม่มาจนแม่เติบโต และได้แต่งงานกับพ่อ จนมีแทนขึ้นมาไงหล่ะจ้ะ

- และที่แม่ดูแลท่าน มาเยี่ยมท่านบ่อยๆ เพราะ ตอนแม่ยังเด็กคุณตาคุณยายเป็นฝ่ายดูแลแม่มาตลอด แต่ตอนนี้แม่โตจนมีครอบครัวเป็นของตัวเองก็ควรจะถึงเวลาที่แม่ต้องดูแลคุณตาคุณยายบ้างไงหล่ะจ้ะ

- การกระทำแบบนี้เค้าเรียกว่าการ กตัญญูรู้คุณพ่อแม่ นะลูก

- หลังจากแทนฟังคำตอบที่ได้ฟังจากแม่จบเขาก็นอนหลับไปจนถึงบ้าน

- เช้าวันถัดมา ก็รีบตื่นแต่เช้า จากที่ปกติแทนจะออกไปเล่นกับเพื่อนๆแถวบ้าน ก็ไม่ออกไปไหน

- เมื่อแทนเห็นแม่ทำงานบ้านเขาก็รีบวิ่งเข้าไปถามแม่ของเขาว่าต้องการให้เขาช่วยรึเปล่า และทำยังไง

- เมื่อแม่เห็นแบบนั้น แม่จึงถามกับแทนว่า " ลูกรู้แล้วใช่มั้ยจ๊ะ ว่าการกตัญญูต่อพ่อแม่คืออะไร " แทนยิ้มและบอกกับแม่ของเขาว่า ผมรู้แล้วครับ

- ในวันนั้นแทนก็ได้ช่วยแม่ของเขาทำงานบ้านจนเสร็จ และหลังจากนั้นแทนก็ไม่ออกไปซนนอกบ้านอีกเลยหากเขาเห็นพ่อและแม่ของเขากำลังทำงานบ้าน

วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Who are you ?

Who are you ?



สวัสดีครับวันนี้เรามาทำความรู้จักกับนักกีฬาท่านหนึ่งกันดีกว่า ด้วยกีฬายิงปืนที่กำลังเป็นที่นิยมและแพร่หลายอย่างมากในประเทศไทย ซึ่งตอนนี้มีการจัดการแข่งขันทั่วทุกภาคในประเทศไทย รวมไปถึงระดับชาติเลยหล่ะครับ

เราไปทำความรู้จักกับ คุณ นนทพัทธ์  นัทธวงศกร หรือมีชื่อเล่นว่า คุณอั้ม กันเลยดีกว่าครับ ด้วยการที่เริ่มเล่นกีฬายิงปืนตั้งแต่ อายุ 6 ขวบ โดยไม่ได้ตั้งใจที่จะเล่นจริงจังแต่เขากลับกลายมาเป็นนักกีฬา อันดับ 1 ของภาคใต้ คงจะสงสัยกันใช่ไหมครับว่า เรื่องราวมันเป็นมาอย่างไร เราไปติดตามจากบทสัมภาษณ์กันเลยดีกว่าครับ




 นายนนทพัทธ์ นัทธวงศกร


บทสัมภาษณ์

ผู้สัมภาษณ์ : เริ่มเล่นกีฬาตั้งแต่ตอนไหนครับ

คุณอั้ม : เริ่มเล่นตั้งแต่อายุประมาณ 6 ขวบครับ

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วสาเหตุที่เริ่มเล่นและสนใจกีฬายิงปืนเป็นเพราะอะไรครับ

คุณอั้ม : เพราะคุณพ่อพาไปหัดยิงปืนตั้งแต่เด็กที่สนามครับ

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วตัวคุณอั้มเองมีความสนใจกีฬาชนิดนี้ตั้งแต่เด็กเลยรึเปล่าครับ

คุณอั้ม : ไม่เลยครับ ที่เข้ามาเล่นกีฬายิงปืนก็เพราะคุณพ่อครับ ส่วนมากคุณพ่อจะเป็นคนสนับสนุนให้เล่นกีฬายิงปืน อย่างเต็มที่ครับ เป็นทั้งเพื่อนคอยฝึกซ้อม เป็นโค้ช และเป็นทั้งคุณพ่อในเวลาเดียวกันเลยครับ

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วตัวคุณอั้ม มีการเตรียมตัวก่อนไปซ้อม มากน้อยแค่ไหนครับ ซ้อมหนักหรือเปล่าแล้วมีการแบ่งเวลาอย่างไรครับ

คุณอั้ม : ไม่เลยครับแทบจะไม่ได้ซ้อมเลย ถือว่าผมเป็นคนโชคดีคนหนึ่งที่มีพรสวรรค์ ด้านนี้มาตั้งแต่เด็กครับ โดยส่วนใหญ่จะไปซ้อมอาทิตย์ละ  2 ครั้ง ในวันหยุดสุดสัปดาห์ หากมีการแข่งขัน ก็จะซ้อมก่อนวันแข่งแค่ สองถึงสามวันเท่านั้นเองครับ

ผู้สัมภาษณ์ : โอ้โห นี่ขนาดไม่ได้ฝึกซ่อมหนักอะไรเลยแต่ เก่งถึงขนาดนี้ ถ้าหากได้ซ้อมหนักกว่านี้ผมเชื่อว่าคุณอั้มจะต้อง ไปได้ถึงระดับโลกแน่นอนเลยใช่ไหมครับ

คุณอั้ม : ผมก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอกครับ โดยส่วนตัวแล้ว ผมเล่นเป็น กีฬาเพื่อสุขภาพมากกว่าครับ เลยไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้น ส่วนรางวัลที่ได้มาก็ถือเป็นผลกำไรจากการเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพครับ

ผู้สัมภาษณ์ : แล้วตัวคุณอั้มเองเคยได้ไปแข่งกีฬาในรายการไหนบ้างครับ แล้วได้รางวัลทุกสนามเลยรึเปล่าครับ ?

คุณอั้ม : เคยไปแข่งตั้งแต่รายการระดับจังหวัด ไประดับภาคจนถึงระดับประเทศเลยครับ ส่วนมากทุกรายการที่ไปก็จะได้รับเหรียญ ทุกสนาม ในกีฬายิงปืนประเภท ปืนสั้น นะครับ

ผู้สัมภาษณ์ : โหนั่นถือว่าเยอะมากเลยนะครับสำหรับคนที่เล่นกีฬาเพื่อสุขภาพ แล้วการแข่งขันกีฬายิงปืนนี่มันกี่ประเภท ครับคุณอั้ม

คุณอั้ม : ก็จะมีทั้งหมด 2 ประเภทครับ หลักๆ คือการแข่ง ปืนสั้น และปืนยาว โดยจะแบ่งย่อยออกไปอีกเป็นตามขนาดกระสุน ว่ามีขนาด กี่ มม. ครับผม

ผู้สัมภาษณ์ : ครับ ในวันนี้ต้องขอขอบคุณ คุณอั้มมากนะครับที่ยอมสละเวลามาให้สัมภาษณ์เพื่อให้เราได้ทำความรู้จักกับกีฬายิงปืนมากยิ่งขึ้น และขอให้คุณอั้มทิ้งท้ายข้อความเพื่อให้กำลังใจผู้ที่สนใจและกำลังฝึกซ้อมกีฬายิงปืนด้วยครับ

คุณอั้ม : ก็ขอให้น้องๆ เพื่อนๆ และบุคคลที่กำลังสนใจในกีฬายิงปืน หรือกำลังฝึกซ้อมเพื่อเตรียมตัวแข่งขันนะครับ ให้ฝึกซ้อมให้มากๆ หากเราแพ้นั่นก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ หากเราชนะนั่นก็เป็นผลพลอยได้ ผมอยากให้คิดว่า เล่นกีฬาเพื่อดูแลสุขภาพ ดีกว่าไปคิดเกี่ยวกับผลแพ้ชนะ ได้หรือไม่ได้รางวัลครับ เพราะกีฬานั้นมี แพ้ ชนะ เป็นเรื่องปกติครับ :)


เป็นยังไงกันบ้างหล่ะครับ สำหรับบทสัมภาษณ์ กีฬายิงปืนก็เป็นกีฬาที่น่าสนใจไม่น้อยเลยใช่ไหมครับ หากมีโอกาศ ผมก็อยากไปลองเล่นดูซักครั้งหนึ่งเหมือนกันครับ แต่คงไม่เก่งเท่าคุณอั้ม ยังไงท่านผู้อ่านที่สนใจก็อย่าลืมไปสืบค้นหาข้อมูล เกี่ยวกับกีฬายิงปืนก่อนที่จะไปเล่นด้วยนะครับ เพราะ อุปกรณ์ที่ใช้ในการเล่นกีฬาชนิดนี้ มีความอันตรายสูงหากพลาดพลั้ง ขึ้นมาอาจถึงแก่ชีวิตเลยนะครับ

วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Remember me

Remember me

อ่านความทรงจำ


วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับหนังสือ "ความทรงจำบางอย่างช่างรางเลือน" ผู้ประพันธ์ รัชศักดิ์ จิรวัฒน์ ของสนพ.มติชน ที่ได้คว้ารางวัลร่วมเรื่องสั้นดีเด่น จาก สพฐ. ซึ่งสาเหตุที่หนังสือเล่นนี้ได้รับรางวัลเพราะ การเขียนหนังของเขามุ่งเน้นไปทางด้านความคิดแง่บวก จะทำอย่างไรเราจะทำความคิดแง่ลบให้หมดไปได้ นี่จึงเป็นแรงบัลดาลใจให้กับผู้อ่านได้เป็นอย่างมาก เขาจึงสมควรได้รับรางวัล หนังสือรวมเรื่องสั้นดีเด่น




ตัวอย่างรูปภาพหน้าปก


เรามาเข้าสู่ตัวเนื้อหาในหนังสือกันดีกว่าครับ ในตัวหนังสือเล่นนี้นั้นเป็นไปด้วยการตั้งคำถามว่า "ความทรงจำ" ที่มันผ่านมาแล้วควรจะปล่อยให้มันผ่านพ้นไปจริงๆ จะดีแล้วหรือ และหากว่าเราปล่อยมันผ่านไปเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ซึ่งในหนังสือมีการนำตัวลรครต่างๆในเรื่องสั้นมาจำลองสถานการณ์ให้เกิดขึ้นตามจุดประสงค์ของผู้เขียน เพื่อให้ผู้อ่านได้คิดตาม





รัชศักดิ์ จิรวัฒน์


“ความทรงจำบางอย่างช่างรางเลือน” หนังสือเล่มนี้ ก็เป็นเรื่องที่กล่าวถึงความทรงจำของชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีต่อพ่อ ซึ่งเข้าได้ค้นพบว่าตนมี น้องสาว และ น้องสาวของเขามีสัมผัสพิเศษที่สามารถติดต่อกับพ่อที่ได้เสียชีวิตไปแล้วได้ จึงเป็นความหวังให้เค้านั้นสามารถที่จะรู้สาเหตุการณ์ตายของพ่อ

ซึ่งเรื่องสั้นทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่ผู้แต่งเขียนไม่ได้เน้น "เรื่องเหนือจริง" เพราะสิ่งที่เหนือจริงที่สุดคือ "จิตใจ" อย่างไรก็ตามหนังสือเล่มนี้นอกจากไว้อ่านเพื่อความบันเทิงแล้ว ยังได้ข้อคิดที่ผู้เขียนจะสื่อถึงคือ การที่เราจะทำอย่างไรให้ "ด้านลบ" หมดไปจากสังคม

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.facebook.com/notes/matichonbook/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%B3-%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%9C%E0%B8%B9/676580752401484?stream_ref=10



วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

คำเดียว "เปลี่ยน" โลก

คำเดียว "เปลี่ยน" โลก

บทบาทหน้าที่ของ "หนังสือพิมพ์" มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อสังคมภายในประเทศไทย และทั่วโลก แค่เพียง พาดหัวข่าวที่หนังสือพิมพ์เขียนขึ้นก็สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงจากผิดเป็นถูกได้โดยง่าย เพราะ คนในสังคมไม่ได้เจอเหตุการณ์ที่หนังสือพิมพ์ตีพิมพ์ออกมาด้วยตัวเอง ทำให้รับรู้เรื่องต่างๆจากหนังสือพิมพ์โดยตรง แค่เพียงทางเดียว และบางครั้งหนังสือพิมพ์ก็สามารถทำลายชื่อเสียง ของสถานที่ และบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือการโฆษณาชวนเชื่อ ยั่วยุคนในสังคม ได้ง่าย ๆ เพียงแค่พาดหัวข่าวโจมตี เขียนข่าวให้ร้าย ชักชวนให้คนมาใช้สินค้าตัวในตัวหนึ่ง ก็ไม่มีใครสามารถรู้ได้เลยว่าเป็นเรื่องจริง หรือหลอก ดังนั้น เราจึงต้องเลือกที่จะไม่ฟังความข้างเดียว รู้จักสืบหาความจริงหลายๆทาง หากมันเป็นเหตุการณ์ หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราโดยตรง เพื่อเป็นการป้องกันตนเอง และการเข้าใจผิดจากผู้คนในสังคม จากที่กล่าวมาข้างต้น นั่นจะเป็นการทำให้เรารู้เท่าทันสื่อสิ่งพิมพ์ที่ใช้สำหรับ แพร่กระจายข่าวสาร ไม่ตกเป็นเหยื่อของ "สื่อสิ่งพิมพ์"

เหตุการณ์ตัวอย่าง


ภาพตัวอย่าง


ASTVผู้จัดการ - หนังสือพิมพ์เมโทรของแคนาดา ปล่อยไก่ครั้งใหญ่ พาดหัวข่าวรัฐประหารในไทยผิดพลาดเป็นรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลไต้หวัน
       
       วันนี้ (24 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังประเทศไทยเกิดเหตุรัฐประหารยึดอำนาจโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกและคณะ ในนาม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในช่วงเย็นวันที่ 22 พ.ค. 2557 หนังสือพิมพ์รายวันเมโทร (metronews.ca) ในเมืองแวนคูเวอร์ฉบับวีคเอนด์ ประจำวันที่ 23-25 พ.ค. ได้รายงานข่าวเกี่ยวกับการรัฐประหารในประเทศไทยในหน้าที่ 12
       
       รายงานชิ้นดังกล่าวของหนังสือพิมพ์เมโทร พาดหัวระบุว่า รัฐบาลในไต้หวันถูกโค่น หลังทหารทำรัฐประหารที่ไม่เสียเลือดเนื้อ (Government overthrown in Taiwan as military stages bloodless coup) ซึ่งผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง เพราะระบุว่าเกิดรัฐประหารในไต้หวัน แทนที่จะเป็นประเทศไทย แต่เนื้อข่าวที่อ้างอิงมาจากสำนักข่าวเอพีนั้นถูกต้องแล้ว
       
       ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์แคนาดาก็รายงานถึงปฏิกิริยาของรัฐมนตรีต่างประเทศของแคนาดา นายจอห์น แบร์ด ว่า แคนาดาหวังทหารไทยจะคืนประเทศให้กับรัฐบาลพลเรือนโดยเร็ว ส่วนพลเมืองแคนาดาที่เดินทางไปยังประเทศไทยได้รับคำแนะนำว่าควรจะลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ของแคนาดาเพื่อจะได้แจ้งเตือนข่าวล่าสุดได้
       
       ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์สามารถอ่านออนไลน์ในรูปแบบ PDF ได้ตามลิงก์ต่อไปนี้ http://reader.metronews.ca/digital_launch.aspx?id=3744758e-2ee5-4c13-a052-56711bdbdc91


ผลกระทบที่ตามมา

ทำให้คนในประเทศที่อ่านข่าวของหนังสือพิมพ์ได้รับข่าวสารที่ผิดๆ และอาจส่งผลต่อเนื่องให้เกิดเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้น ในระดับประเทศ

การแก้ไข

- สื่อควรจะมีแหล่งที่มาของข่าวสารให้ชัดเจน
- สื่อควรจะตรวจสอบความถูกต้องก่อนจะตีพิมพ์หนังสือพิมพ์

สรุป

จากเหตุการณ์ที่ยกตัวอย่างไป ก็จะเห็นได้ชัดเจนแล้วใช่ไหมครับว่า แค่คำๆเดียวของหนังสือพิมพ์ก็สามารถก่อให้เกิดปัญหาได้ระดับประเทศเลยทีเดียวครับ ดังนั้น เสพสื่อด้วยความระมัดระวัง รู้เท่าทันสถานการณ์ แล้วเราจะเป็นคนที่รู้ทันคน รู้ทันสังคมโลกครับ


วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558

สื่อสิ่งพิมพ์ที่ชื่นชอบ

"ตัวการ์ตูน"จุดประกายความคิด


หนังสือการ์ตูนมีดีกว่าที่คิด

สื่อสิ่งพิมพ์ประเภท หนังสือเล่ม เป็นประเภทที่ชอบที่สุดจำพวกหนังสือการ์ตูน ซึ่งเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่สามารถดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างมาก เพราะตั้งแต่ตัวปกไปจนถึงภายในเล่มหนังสือการ์ตูนประกอบไปด้วยรูปมากมากมายดึงดูดความสนใจ พร้อมทั้งตัวหนังสืออธิบายประกอบเรื่องราวต่างๆ ทำให้เราเข้าใจความหมายของรูปตัวการ์ตูนต่างๆ และเนื้อเรื่องที่กำลังดำเนินอยู่ในรูปภาพนั้นๆ

ตัวอย่าง "หนังสือการ์ตูน"



รูปภาพตัวอย่างปก หนังสือการ์ตูน





รูปภาพตัวอย่าง ภายในหนังสือการ์ตูน


จากภาพตัวอย่างคงเห็นความหน้าสนใจของหนังสือการ์ตูนมากขึ้นแล้วใช่ไหมหล่ะครับ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่โลกของหนังสือ ลองเริ่มอ่านที่หนังสื่อการ์ตูนเป็นตัวกระตุ้นส่งเสริมให้รักการอ่านหลังจากนั้นลองเปลี่ยนไปอ่านหนังสือเพื่อให้ความรู้ ในด้านต่างๆที่สนใจดูซิครับ ไม่ยากเลยแค่เราคิดจะ "เริ่ม" ทุกอย่างไม่มีคำว่าทำไม่ได้และที่เราคิดแบบนั้นเพราะเราไม่คิดจะลงมือทำหรือริเริ่มมันเท่านั้นเองครับ

สรุป

สื่อสิ่งพิมพ์ที่เป็นหนังสือการ์ตูน ให้ประโยชน์มากกว่าที่คุณคิดหลายคนอาจจะเห็นว่าไร้สาระแต่ใครจะรู้ว่ามันสามารถสร้างนิสัยรักการอ่านของเราได้เป็นอย่างดี ลองหยิบมันมาอ่านซักเล่มหนึ่ง แล้วคุณจะไม่เบื่อการอ่านหนังสืออีกเลย

อ้างอิง

http://www.thaisecondhand.com/product/10385803/

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ackboy&month=11-2009&date=26&group=1&gblog=51